หมอหนุ่ม เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” อัปเดตอาการป่วย “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย”
หมอ หนุ่ม เจ้าของ “เพจสู้ดิวะ” ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย อัพเดทอาการล่าสุด หลังรับเคมีบำบัดครั้งที่สาม ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ แทบจะปกติ
โซเชียลร่วมส่งแรงใจให้ แพทย์หนุ่มวัย 28 เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” พร้อมอัปเดตอาการป่วย “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย” โดยขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้สนุก มีร่างกายที่แข็งแรง
หากใครได้ติดตามเรื่องราวที่ผ่านมา แพทย์กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่ตัวเองนั้น ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ในขณะที่มั่นใจร่างกายแข็งแรงมาตลอด มีการงานอาชีพที่เรียกได้ว่า กำลังไปได้สวย ซึ่งล่าสุด เจ้าตัวก็ได้อัพเดทอาการหลังรับเคมีบำบัด ครั้งที่สาม
จากกรณีเรื่องราว หมอ ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์
เมื่อ แพทย์กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี ได้เปิดเพจเฟซบุ๊ก “สู้ดิวะ” เพื่อเล่าประสบการณ์การป่วยเป็น “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย” ในขณะที่อายุน้อย ชอบออกกำลังกาย แล้วก็ มีร่างกายที่แข็งแรง ต่อมาโลกออนไลน์ได้ส่งแรงใจให้คุณหมอกันจำนวนมาก (แพทย์หนุ่มวัย 28 เจ้าของเพจ “สู้ดิวะ” แชร์ประสบการณ์ป่วย “มะเร็งปอดระยะสุดท้าย”)
ล่าสุด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 เฟซบุ๊ก สู้ดิวะ ได้โพสต์ข้อความอัปเดตอาการป่วย ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยกล่าวว่า สวัสดีครับทุกคน ผมสบายดีครับ ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้แทบปกติ เพิ่งจะรับเคมีบำบัด ครั้งที่สาม มาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
รอบนี้เพลียมากๆ ง่วงทั้งวัน ตื่นมากินข้าว รวมทั้ง หลับต่อ เรียกได้ว่า นอนจนจะเป็นแผลกดทับ วันนี้มีแรงมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ออกมากินข้าวนอกบ้าน อยากไปออกกำลังกายแล้ว แต่ฝุ่นเชียงใหม่ก็เริ่มน่ากลัว เกินกว่าจะเอาปอดไปเสี่ยง ไม่อยากจะคิดถึงฝุ่นช่วงพีคเลย อาจต้องเก็บตัวอยู่ภายในห้อง ไม่ก็ย้ายจังหวัดชั่วครั้งคราว แต่เอาจริงช่วงพีคนี่ย้ายไปจังหวัดไหนก็คงจะพอกัน
ช่วงก่อนจะรับยารอบสามนี้ มีเรื่องสนุกเกิดขึ้น ต้องพูดว่าตัวผมเองปกติแล้ว ออกกำลังกายหนักถึงหนักมาก แต่พอมาเข้ารับการรักษา ในตอนเดือนแรก ลำพังเพียงแค่ยืนให้ตรง ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว เหตุเพราะว่า ถ้าเช่นนั้นการออกกำลังกายจึงไม่ได้ทำเลย วันๆก็กินกับนอน
บวกกับช่วงแรกเป็นตอนประชดชีวิต อะไรที่เคยไม่กิน เราก็กินหมดเลย ของทอด ของมัน หมูกรอบ สามชั้น เค้ก น้ำหวาน เรียบร้อยไขมันสูง ได้เริ่มรับประทานยาลดไขมันในเลือด แต่ดี เหตุเพราะว่า มันทำให้มีเป้าหมายระยะสั้นขึ้นมาว่า ต้องกลับมามีวินัยดูแลตัวเองแล้ว
ในตอนรับการรักษา มันต้องกินเยอะๆ เหตุเพราะว่า โดยปกติเราจะน้ำหนักลดอยู่แล้ว ครั้งนี้ เราจำเป็นต้องเน้นไปที่การกินของดี พวกอกไก่ ไข่ขาว ธัญพืช แป้งดีๆลดน้ำตาล ลดไขมันให้มากที่สุด บวกกับเริ่มออกกำลังกายด้วย ซึ่งจริงๆแล้ว เหตุผลสำหรับในการที่จะกิน แต่ของอร่อยและไม่ออกกำลังกายมีเยอะไปหมดเลย แถมเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วย แต่ก็เลือกกลับมาจริงจังกับเรื่องโภชนาการ แล้วก็ การออกกำลังกาย
ในวันที่ฝุ่นน้อยๆ จะเริ่มจากการออกไปเดิน พยายามเดินให้ได้หมื่นก้าว ซึ่งมันใช้เวลานานมาก เดินได้ครู่หนึ่งก็เริ่มมีความรู้สึกว่า เราจะต้องวิ่ง ก็ค่อยๆลองวิ่งถึงจะยังไม่ใช่ความเร็วเท่าเดิม แต่วิ่งได้ คุมการหายใจได้ แรกๆก็วิ่งได้ไม่กี่นาที แต่พอทำไปเรื่อย ก็เริ่มวิ่งได้ระยะทางเพิ่มขึ้น ในแต่ละวัน ทีแรกๆจะปวดขามากๆ เหตุเพราะว่า กล้ามเนื้อมันหายไปเยอะมาก ตอนที่นอนโรงพยาบาล จะต้องฝึกซ้อมอยู่ยาวนานหลายวันกว่าจะวิ่งต่อเนื่องได้สิบห้านาที เลยจะต้องเวทเทรนนิ่งควบคู่ไปด้วย
ล่าสุด ก่อนรับยารอบนี้ก็เล่นได้ทุกท่า แต่น้ำหนักลดน้อยลง
จากที่เคยยกได้มากๆ ก็ค่อยๆซ้อม ค่อยๆหาสมดุลของร่างกาย เรียกความฟิตกลับมาเท่าที่ไหว หวังว่าวันหนึ่งจะกลับไปเล่นบาสได้ ซึ่งการทำอะไรประมาณนี้ มันมีความรู้สึกว่าได้มีบางส่วนของชีวิตที่เราพอจะพยายาม เพื่อเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของมันได้บ้าง ในส่วนของสิ่งที่เราทำได้เพียงแค่เชื่อ แล้วก็ ภาวนา เป็นเรื่องการตอบสนองต่อยาเคมีบำบัด แล้วก็ ภูมิต้านทานบำบัด ส่วนนี้ เป็นสิ่งที่เราทำได้เพียงแค่ภาวนาให้น้องมะเร็งตอบสนองกับยาที่ให้ไปเท่านั้น
ซึ่งปัจจุบัน เอกซเรย์ปอดดูดีขึ้น ก้อนใหญ่ด้านขวามีขนาดเล็กลง แล้วก็ ก้อนน้อยๆที่ปอดซ้ายก็ดูจางลง ผลข้างเคียงที่ชัดๆก็มีเพียงแค่ เรื่องผมร่วงกับอ่อนเพลีย ยังไม่มีผลข้างเคียงร้ายแรงอะไร เป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์ แล้วก็ หลักการทางวิจัยก็จริง การที่มันสนองตอบก็อาจมีกลไกของยาจากที่การศึกษาได้บอกไว้
แต่อีกส่วนหนึ่ง ผมก็เชื่อว่าเป็นเพราะว่ามีผู้หวังดีหลายๆท่าน ทั้งที่ผมรู้ แล้วก็ ที่ผมไม่รู้ ได้ทำการภาวนา สวดมนต์ไหว้พระทำบุญ รวมถึง อีกหลากหลายวิธีที่ผมก็พึ่งจะรู้ดีว่ามันส่งพลังได้ เพื่อมอบพลังดีๆให้กับผม เพื่อให้โรคนี้สงบ ให้ผมมีร่างกายแข็งแรง ผมขอบพระคุณมากๆจากใจจริงครับ
ผมเชื่อจริงๆว่า ส่วนของสิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์นี้ล้วนประกอบกันทำให้ ณ ปัจจุบัน การรักษาของผม จึงเป็นไปได้ด้วยดี ตัวผมเองก็สวดมนต์ไหว้พระทำบุญอยู่ตลอด แล้วก็ หวังว่าทุกคนที่ส่งต่อพลังดีๆให้ผมจะได้พบเจอสิ่งดีๆในชีวิตเหมือนกันครับ
ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวจะไปได้สวย โรคดูเหมือนจะสนองตอบ แต่ยังไงก็ตาม เราต้องไปติดตามภายหลังจากได้รับการรักษาครบอีกครั้ง และจากนั้นก็จะต้องไปดูด้วยว่า ก้อนในหัวเล็กลงไหม มีก้อนใหม่ขึ้นที่อื่นๆในร่างกายไหม การต่อสู้นี้ยังอีกยาวไกล แต่ตอนนี้เพียงแค่วันนี้เท่านั้น ที่ตนมีแรงลุกขึ้นยืนมาเดิน มาวิ่งได้ ออกมารับประทานข้าว แล้วก็ มาพิมพ์โพสต์นี้ได้ ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้สนุก แล้วก็ มีร่างกายที่แข็งแรง.